Морган Райс - กำเนิดความกล้าหาญ стр 9.

Шрифт
Фон

ดันแคนสงสัยว่าตอนนี้ไคร่าอยู่ที่ไหน เขานึกถึงการเดินทางข้ามเอสคาลอนโดยลำพังของเธอ ซึ่งมีเพียงเดียร์ดรี แอนดอร์และลีโอเท่านั้น ดันแคนรู้ว่าการส่งไคร่าเข้าสู่การเดินทางแบบนั้นอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตแม้แต่นักรบที่เจนศึก หากไคร่ารอดมาได้ เธอจะกลายเป็นนักรบที่ยอดเยี่ยมมากกว่าทหารไหนที่อยู่เคียงข้างเขาทุกวันนี้ แต่ถ้าไคร่าไม่สามารถทำได้ ดันแคนจะไม่สามารถชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก ช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดเป็นการเรียกบทพิสูจน์ที่ยิ่งใหญ่ เขาต้องการให้ไคร่าทำภารกิจได้สำเร็จมากกว่าสิ่งใด

กองทัพเดินทางขึ้นและลงจากเนินเขา ดันแคนมองออกไปยังทุ่งราบที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้าภายใต้แสงจันทร์ เขานึกถึงปลายทางที่เอสเฟส ฐานที่มั่นทางทะเล เมืองที่สร้างขึ้นบนท่าเรือ เป็นเส้นทางตัดกันของทิศตะวันออกเฉียงเหนือและท่าเรือ ซึ่งมีความสำคัญอันดับหนึ่งในการขนถ่ายสินค้าทั้งหมด มันคือเมืองที่ติดกับทะเลแห่งหยดน้ำตาด้านหนึ่งและอีกด้านติดกับท่าเรือ กล่าวกันว่าใครก็ตามที่ควบคุมเอสเฟสได้ถือว่าควบคุมครึ่งหนึ่งของเอสคาลอน ป้อมปราการที่ใกล้ที่สุดกับอาร์โกส์และฐานที่มั่นสำคัญ เอสเฟสจะเป็นเป้าหมายแรกของเขา ดันแคนรู้ดีว่าหากเขาต้องปลุกระดมการปฏิวัติ เมืองที่เคยยิ่งใหญ่ที่สุดจะต้องได้รับการปลดปล่อยเสียก่อน ครั้งหนึ่งท่าเรือแห่งนี้เคยเต็มไปด้วยเรือที่มีธงของเอสคาลอนโบกสะบัด แต่บัดนี้เต็มไปด้วยเรือของแพนดิเซีย นับเป็นสิ่งเตือนใจว่าครั้งหนึ่งมันเคยเป็นเช่นไร

ดันแคนและซีวิกผู้เป็นขุนศึกแห่งเอสเฟส เคยมีความใกล้ชิดกัน พวกเขาทะยานเข้าสู่สนามรบในฐานะสหายศึกนับครั้งไม่ถ้วน ดันแคนเคยออกทะเลไปกับเขามากกว่าหนึ่งครั้ง แต่หลังจากการรุกราน พวกเขาขาดการติดต่อกัน ขุนศึกซีวิกซึ่งเคยสง่างาม บัดนี้เป็นเพียงทหารธรรมดา ไม่สามารถออกแล่นเรือได้อีก ไม่สามารถปกครองเมืองของเขาหรือไปเยือนฐานที่มั่นอื่นได้เหมือนเช่นขุนศึกคนอื่น ๆ พวกเขาเหมือนถูกคุมขังและตีตราว่าเขาคือนักโทษเหมือนเช่นขุนศึกคนอื่น ๆ ของเอสคาลอน

ดันแคนควบม้าต่อไปภายใต้ท้องฟ้าที่มืดมิด แนวเขามีเพียงแสงไฟจากคบเพลิงของทหารจำนวนนับร้อยที่มุ่งหน้าไปทางใต้ หิมะเริ่มตกหนักมากขึ้นและลมเริ่มพัดแรง คบเพลิงดูเหมือนต้องพยายามต่อสู้กับสายลม ดังเช่นแสงจันทร์ที่พยายามสาดส่องลงมาผ่านก้อนเมฆ กองทัพของดันแคนยังคงมุ่งหน้าต่อไป ทหารเหล่านี้บุกตะลุยไปทุกพื้นที่ ดันแคนรู้ดีเกี่ยวกับการโจมตียามค่ำคืนที่มีหิมะตก – ดันแคนเป็นนักรบที่ไม่เหมือนใคร มันคือสิ่งที่ทำให้เขานำกองกำลัง สิ่งที่เขาได้รับจากการเป็นผู้บังคับบัญชาของพระราชาองค์เก่า ทำให้เขามีฐานที่มั่นเป็นของตัวเอง และมันคือสิ่งที่ทำให้เขาคือหนึ่งในบุคคลที่ได้รับการยกย่องจากเหล่าขุนศึกที่แตกระแหงไป ดันแคนไม่เคยทำสิ่งที่คนอื่นทำ มันคือคติที่เขาถือมาตลอดชีวิต เขามักทำในสิ่งที่คนอื่นไม่คาดคิด

แพนดิเซียต้องคาดไม่ถึงกับการโจมตี เมื่อคำประกาศการปฏิวัติของดันแคนยังไม่กระจายไกลออกไปยังทิศใต้ – ดันแคนหวังว่าจะดำเนินการได้ทันเวลา แพนดิเซียจะไม่มีทางคาดคิดกับการลอบโจมตีตอนกลางคืน ซึ่งเป็นช่วงที่หิมะกำลังตก พวกเขารู้ว่าการขี่ม้าตอนกลางคืนมีความเสี่ยง ม้าอาจขาหักได้ และยังมีปัญหาอีกนับไม่ถ้วน ดันแคนรู้ดีว่าสงครามสามารถเอาชนะได้ด้วยความประหลาดใจและความเร็วมากกว่าการใช้กำลังเพียงอย่างเดียว

ดันแคนวางแผนที่จะขี่ม้าทั้งคืนจนไปถึงเอสเฟส เพื่อพยายามพิชิตกองกำลังแพนดิเซียขนาดใหญ่และยึดเมืองที่ยอดเยี่ยมกลับมาด้วยทหารไปกี่ร้อยนายของเขา หากว่าเขาสามารถยึดเอสเฟสกลับมาได้ บางทีเขาอาจชิงความได้เปรียบและเริ่มสงครามเพื่อยึดคืนเอสคาลอนทั้งหมดกลับมา

“ข้างล่างนั่น!” เอนวินตะโกนออกมา และชี้ไปในหิมะ

ดันแคนมองลงไปที่หุบเขาด้านล่าง เขาสังเกตเห็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ตามแนวชนบทมากมายที่อยู่ท่ามกลางหิมะและสายหมอก ดันแคนรู้ดีว่าหมู่บ้านเหล่านั้นเคยเป็นที่พักอาศัยของนักรบผู้กล้าหาญที่ภักดีต่อเอสคาลอน ซึ่งมีอยู่เพียงหยิบมือหนึ่ง แต่มันสามารถช่วยได้ เขาสามารถชิงความได้เปรียบและหาการหนุนทัพทหาร

ดันแคนตะโกนเสียงดังเหนือลมเพื่อให้ได้ยิน

“ส่งเสียแตร!”

ทหารส่งเสียงแตรออกมาสั้น ๆ มันเป็นเสียงปลุกระดมอันเก่าแก่ของเอสคาลอน เสียงนี้ทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นขึ้นมา เสียงที่ไม่เคยได้ยินในเอสคาลอนมานานหลายปี มันคือเสียงที่คุ้นเคยสำหรับเพื่อนทหารชนบท เสียงที่จะบอกพวกเขาในสิ่งที่เขาต้องการรู้ทั้งหมด หากว่าในหมู่บ้านยังมีซึ่งคนดี เสียงนี้จะปลุกพวกเขา

เสียงแตรดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้ แสงไฟในหมู่บ้านค่อย ๆ สว่างขึ้นมา ชาวบ้านตื่นตัวต่อการมาเยือนของพวกเขาและเริ่มออกมาที่ถนน คบเพลิงของพวกเขาส่องแสงริบหรี่ท่ามกลางหิมะ พวกผู้ชายต่างเร่งรีบแต่งตัว คว้าอาวุธและสวมชุดเกราะที่พวกเขามี ทั้งหมดจ้องมองไปที่เนินเขาและเห็นว่าดันแคนกับทหารของเขากำลังใกล้เข้ามา ทั้งหมดต่างพากันสงสัย ดันแคนนึกถึงสิ่งที่กองทัพของเขากำลังทำอยู่ การควบม้าท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิดในพายุหิมะ และชูคบเพลิงนับร้อยเหมือนเช่นกองทัพแห่งเปลวเพลิงที่ต่อสู้กับหิมะ

ดันแคนและทหารขี่ม้าเข้าไปในหมู่บ้านแรกและหยุดลง คบเพลิงนับร้อยเผยให้เห็นถึงใบหน้าที่ตกใจกลัว ดันแคนมองลงไปยังใบหน้าที่มีความหวังและพร้อมรบ เขากำลังปลุกระดมผู้คนอย่างที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน

“ชาวเอสคาลอน!” เขาป่าวประกาศก้อง เริ่มควบม้าวนไปมารอบ ๆ อย่างช้า ๆ ดันแคนพยายามทักทายพวกเขา ขณะที่เหล่าชาวบ้านเดินเข้ามารวมตัวกัน

“เราทนทรมานภายใต้การกดขี่ของแพนดิเซียมานานเกินไปแล้ว! พวกเจ้าสามารถเลือกว่าอยู่ที่นี่ ใช้ชีวิตในหมู่บ้านนี้และนึกถึงว่าครั้งหนึ่งเอสคาลอนเคยเป็นอย่างไร หรือเลือกที่จะลุกขึ้นสู้ในฐานะเสรีชน และช่วยพวกเราเริ่มสงครามครั้งยิ่งใหญ่เพื่ออิสรภาพ!”

พวกชาวบ้านต่างรู้สึกมีกำลังดีใจ

“พวกแพนดิเซียจับลูกสาวของพวกเราไป!” ชายคนหนึ่งตะโกนออกมา “เราต้องการอิสรภาพ เราต้องการความเป็นไท!”

ชาวบ้านพากันส่งเสียงร้อง

“พวกเราอยู่ฝ่ายเดียวกับท่าน ดันแคน!” อีกคนตะโกนออกมา “เราจะติดตามท่านไปจนตัวตาย!”

เสียงกู่ร้องดังขึ้นมาอีกครั้ง ชาวบ้านต่างพากันวิ่งเข้ามารวมตัวกับพวกทหาร ดันแคนรู้สึกพอใจกับจำนวนกำลังพลที่เพิ่มขึ้น เขาเตะม้าและเดินทางออกจากหมู่บ้าน หนทางปลดปล่อยเอสคาลอนได้เริ่มขึ้นแล้ว

ในไม่ช้าพวกเขาก็ไปถึงอีกหมู่บ้าน ชาวบ้านออกมาข้างนอกและยืนรออยู่ แสงสว่างจากคบเพลิงและเสียงแตรได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี กองทัพมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ชาวบ้านในพื้นที่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ต่างตะโกนเรียกกันโดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก ดันแคนเดินทางผ่านทุกหมู่บ้านจนไปถึงหมู่บ้านสุดท้าย เขาไม่จำเป็นต้องโน้มน้าว ชาวบ้านเหล่านี้กระหายซึ่งอิสรภาพ พวกเขาต้องการฟื้นฟูเกียรติยศ เพื่อขึ้นขี่ม้า คว้าอาวุธ และเข้าร่วมกับกำลังพลของดันแคนไปทุกที่

ดันแคนได้รับกองกำลังเพิ่มจากทุกหมู่บ้าน ทั้งหมดจุดไฟสว่างท่ามกลางค่ำคืน แม้ว่าจะมีลมแรง หิมะตกหนัก และอยู่ในคืนที่มืดมิด แต่ความปรารถนาแห่งอิสรภาพของพวกเขานั้นแรงกล้า ดันแคนสัมผัสได้ว่าพวกเขาพร้อมที่จะทำทุกอย่าง – พวกเขาต้องการลุกขึ้นจับอาวุธเพื่อแย่งชิงชีวิตของพวกเขากลับมา

*

ดันแคนขี่ม้าไปตลอดคืน นำกองทัพที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นมุ่งสู่ทางใต้ เขาจับบังเหียนด้วยมือที่เย็นชาจากลมหนาว ยิ่งพวกเขามุ่งลงใต้ไปมากเท่าไร สภาพแวดล้อมบริเวณรอบ ๆ ก็ยิ่งเปลี่ยนแปลงไป อากาศเย็นของโวลิสถูกแทนที่ด้วยความชื้นของเอสเฟส เหมือนที่ดันแคนจำได้ว่ามันเป็นอย่างไร ความชื้นของน้ำทะเลและกลิ่นเค็มของเกลือ ต้นไม้ที่นี่เตี้ยกว่า ทั้งหมดโค้งงอจากสายลมตะวันออกที่ดูเหมือนจะไม่เคยหยุดพัด

พวกเขาเดินทัพขึ้นเขาลูกแล้วลูกเล่า หิมะยังคงตกอยู่ ดวงจันทร์ส่องสว่างอยู่กลางท้องฟ้าที่สาดแสงลงมาเบื้องล่าง เพียงพอสำหรับการนำทางแก่พวกเขา นักรบทั้งหมดควบม้าต่อไปอย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย มันคือค่ำคืนที่ดันแคนจะจดจำไปตลอดชีวิตที่เหลือของเขา หากเขารอดชีวิตมาได้ นี่จะเป็นการต่อสู้ที่เดิมพันกับทุกอย่าง เขานึกถึงไคร่า ครอบครัวของเขา บ้านของเขา และเขาไม่ต้องการสูญเสียทุกอย่าง เขายอมเสี่ยงแม้ว่าชีวิตของเขาจะแขวนอยู่บนเส้นด้าย เขาต้องทำให้สำเร็จเพื่อทุกชีวิตที่เขารู้จักและหวงแหน

ดันแคนมองไปข้างหลังและรู้สึกพอใจที่เห็นว่ามีทหารเพิ่มขึ้นอีกร้อยกว่านาย ทั้งหมดควบม้าเป็นหนึ่งเดียว มุ่งสู่จุดประสงค์เดียวกัน ดันแคนรู้ดีว่าเขามีกำลังพลน้อยกว่ามากและอาจต้องเจอกับกองทัพแพนดิเซียนับพันที่ประจำการอยู่ในเอสเฟส ดันแคนรู้ว่าซีวิกยังคงมีทหารที่ถูกปลดไปหลายร้อยคน แต่ไม่รู้ว่าพวกเขาจะเสี่ยงเข้าร่วมกับดันแคนหรือไม่

ไม่นานนักพวกเขาได้เดินทางขึ้นไปบนภูเขาอีกลูกหนึ่ง โดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไรต่อ ที่ด้านล่างนั้นคือทะเลแห่งหยดน้ำตาที่ทอดตัวยาวเหยียด คลื่นซัดสาดบนชายฝั่ง ท่าเรือขนาดใหญ่ เมืองโบราณเอสเฟสตั้งอยู่อย่างโดดเด่น ตัวเมืองถูกสร้างขึ้นในทะเล คลื่นกระทบเข้ากับกำแพงหิน เมืองแห่งนี้สร้างขึ้นโดยหันหลังให้พื้นดิน เหมือนกับกำลังเผชิญหน้ากับท้องทะเล ประตูและกรงเหล็กจมลงอยู่ในน้ำ ราวกับว่าพวกเขาสนใจเรือมากกว่าม้า

ดันแคนสำรวจดูท่าเรือที่มีเรือจำนวนมากเทียบท่าอยู่อย่างไม่สิ้นสุด เขารู้สึกผิดหวังที่เห็นธงของแพนดิเซียสีเหลืองและฟ้าโบกสะบัดอยู่ ราวกับเป็นการเย้ยหยัน นั่นคือสัญลักษณ์ของแพนดิเซีย – หัวกะโหลกในปากของนกอินทรีย์ – ทำให้ดันแคนรู้สึกแย่ที่มองเห็นเมืองอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ถูกครอบครองโดยแพนดิเซีย ช่างน่าละอายยิ่งนัก แม้ในยามค่ำคืนเช่นนี้แต่แก้มของเขากลับแดงก่ำ เรือที่เทียบท่าอยู่ทอดสมออย่างปลอดภัย โดยไม่คาดคิดถึงการโจมตี แน่นอน ใครจะกล้าโจมตีพวกเขา? โดยเฉพาะในคืนที่มืดมิดและมีพายุหิมะ?

ทุกสายตาของทหารจับจ้องมาที่ดันแคน ช่วงเวลาแห่งความเป็นจริงได้มาถึงแล้ว ทั้งหมดกำลังรอคำสั่งการของเขาอย่างศรัทธา คำสั่งที่จะเปลี่ยนโชคชะตาทั้งหมดของเอสคาลอน ดันแคนนั่งนิ่งอยู่บนหลังม้า สายลมพัดโชยเข้ามา เขารู้สึกได้ว่าโชคชะตากำลังเอ่อล้น นี่คือช่วงเวลาที่จะกำหนดชีวิตของเขา – และชีวิตของทหารเหล่านี้ทั้งหมด

Ваша оценка очень важна

0
Шрифт
Фон

Помогите Вашим друзьям узнать о библиотеке

Скачать книгу

Если нет возможности читать онлайн, скачайте книгу файлом для электронной книжки и читайте офлайн.

fb2.zip txt txt.zip rtf.zip a4.pdf a6.pdf mobi.prc epub ios.epub fb3

Популярные книги автора