เหลือเพียงคนเดียวที่อยู่รั้งท้าย
ลอร์ดคัลติน
มีเพียงเขาและราชากาเร็ธอยู่ตามลำพังในท้องพระโรง เขาเดินมาหาราชากาเร็ธ และหยุดยืนห่างไปราวสองสามฟุต พลางมองสำรวจพระองค์ ราวกับกำลังพิจารณาพระองค์ ใบหน้าของเขาปราศจากความรู้สึกใดเหมือนเช่นเคย เป็นใบหน้าของทหารรับจ้างอย่างแท้จริง
“ข้าไม่สนใจว่าพระองค์ทรงทำอะไรหรือทำไม” เขาทูลด้วยเสียงแหบพร่า “ข้าไม่สนใจเรื่องการเมือง ข้าเป็นนักรบ ข้าสนเพียงเงินที่พระองค์ทรงจ่ายให้ข้าและคนของข้า”
เขาหยุด
“แต่ข้าอยากรู้ เพื่อความพอใจของข้าเอง พระองค์ทรงสั่งให้คนพวกนั้นขโมยดาบไปจริงหรือไม่?”
ราชากาเร็ธทอดพระเนตรมองเขา มีบางอย่างในแววตาของเขาที่พระองค์ทรงรู้จักในตัวพระองค์เอง ความเย็นชา โหดเหี้ยม ทะเยอทะยาน
“แล้วถ้าข้าทำล่ะ?” ราชากาเร็ธตรัสถามกลับ
ลอร์ดคัลตินมองตอบมานิ่งนาน
“เพราะอะไร?” เขาทูลถาม
ราชากาเร็ธทรงมองตอบ พลางนิ่งเงียบ
ดวงตาของลอร์ดคัลตินเบิกกว้างอย่างเข้าใจ
“เมื่อท่านไม่สามารถครองมันได้ ก็ต้องไม่มีใครได้อย่างนั้นหรือ?” ลอร์ดคัลตินทูลถาม “เป็นเช่นนั้นหรือ?” เขาพิจารณาความเป็นไปได้ “แต่ถึงอย่างนั้น” ลอร์ดคัลตินทูลต่อ “พระองค์ก็ทรงทราบดีว่าการส่งดาบออกไปจะทำให้โล่พลังงานสลาย ทำให้พวกเราอ่อนแอต่อการโจมตี”
ดวงตาของลอร์ดคัลตินเบิกกว้างมากขึ้น
“พระองค์ทรงต้องการให้พวกเราถูกโจมตี ใช่หรือไม่? พระองค์ทรงต้องการให้ราชสำนักถูกทำลาย” เขาทูลอย่างเข้าใจในทันที
ราชากาเร็ธแย้มสรวลตอบ
“ไม่ใช่ทุกแห่งหรอก” ราชากาเร็ธตรัสบอกช้า ๆ “ที่ควรจะอยู่ไปตลอดกาล”
บทที่ ห้า
เจ้าหญิงเกว็นโดลีนเสด็จไปพร้อมด้วยผู้ติดตามขบวนใหญ่ มีทั้งทหาร ที่ปรึกษา มหาดเล็ก สมาชิกสภา กองรบเงิน กองทหารยุวชน และคนอีกครึ่งหนึ่งจากราชสำนัก ขณะที่ทุกคนเดินทางไปจากราชสำนัก เป็นกลุ่มใหญ่ ราวกับเมืองที่กำลังเคลื่อนที่ เจ้าหญิงเกว็นทรงเต็มตื้นไปด้วยพระอารมณ์หลากหลาย ใจหนึ่งพระนางทรงตื่นเต้นที่เป็นอิสระจากราชากาเร็ธ พระเชษฐาได้ในที่สุด ได้ออกมาพ้นจากเงื้อมมือของพระองค์ แวดล้อมไปด้วยนักรบผู้ซื่อสัตย์ซึ่งสามารถคุ้มครองพระนางได้ และไม่ต้องเกรงกลัวเล่ห์เพทุบายของราชากาเร็ธ หรือระแวงว่าจะถูกส่งตัวไปแต่งงานกับใครอีก ในที่สุดพระนางจะไม่ต้องคอยระแวงด้านหลังเวลาที่ตื่นบรรทม กลัวว่าจะมีใครมาลอบปลงพระชนม์
เจ้าหญิงเกว็นทรงรู้สึกมีกำลังใจและเจียมตัวที่ได้รับเลือกให้ปกครอง ให้นำขบวนผู้คนกลุ่มใหญ่นี้ ขบวนใหญ่ที่ติดตามพระนางราวกับทรงเป็นศาสดาอะไรสักอย่าง ทุกคนเดินไปตามถนนที่ไม่สิ้นสุด มุ่งหน้าสู่ซิเลเซีย พวกเขามองว่าพระนางเป็นเจ้าเหนือหัว และมองมาด้วยความคาดหวัง...ทรงบอกได้จากแววตาของพวกเขาทุกคน เจ้าหญิงเกว็นทรงรู้สึกผิด พระนางอยากให้พี่น้องคนไหนสักคนเป็นผู้ได้รับเกียรตินี้ ใครก็ได้ที่ไม่ใช่พระนาง แต่ก็ทรงเห็นว่าการมีผู้นำที่ดีและยุติธรรมให้ความหวังแก่ทุกคนมากเพียงใด และนั่นทำให้พระนางทรงมีความสุข หากเจ้าหญิงทรงสามารถทำหน้าที่นั้นเพื่อพวกเขาได้ พระนางก็จะทรงทำ โดยเฉพาะในช่วงเวลาอันมืดมนนี้
เจ้าหญิงเกว็นทรงคิดถึงธอร์ คิดถึงการจากลาทั้งน้ำตาที่หุบเขาใหญ่แล้ว ทำให้พระนางใจสลาย พระนางทรงทอดพระเนตรเขาลับสายตาไป เมื่อเดินข้ามสะพานข้ามหุบเขาใหญ่ เข้าไปสู่มวลหมอก ไปสู่การเดินทางที่แทบจะแน่นอนว่าจะนำเขาไปสู่ความตาย เป็นการเดินทางที่กล้าหาญและสูงส่ง ซึ่งพระนางไม่อาจปฏิเสธเขาได้ และเป็นการเดินทางที่ต้องไปเพื่ออาณาจักร เพื่อวงแหวน แต่เจ้าหญิงก็ทรงเฝ้าถามตัวเองว่าเหตุใดจึงต้องเป็นเขา พระนางทรงปรารถนาให้เป็นคนอื่น ตอนนี้ทรงอยากให้เขามาอยู่เคียงข้างยิ่งกว่าคราใด ในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวาย และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่พระนางถูกทิ้งให้ปกครองอยู่เพียงลำพัง และทรงพระครรภ์ลูกของเขาอยู่ เจ้าหญิงเกว็นทรงต้องการให้เขาอยู่ที่นี่ พระนางทรงเป็นห่วงเขายิ่งกว่าสิ่งใด และไม่อาจคิดถึงชีวิตที่ต้องอยู่โดยไม่มีเขา มันทำให้ทรงอยากกรรแสง
เจ้าหญิงเกว็นทรงสูดลมหายพระทัยเข้าลึกและพยายามเข้มแข็ง ทรงรู้ว่าสายตาทุกคู่จับอยู่ที่พระนางขณะที่เดินทางไป กองคาราวานยาวเหยียดบนถนนคลุ้งฝุ่น มุ่งหน้าไปทางเหนือ สู่เมืองซิเลเซียอันห่างไกล
เจ้าหญิงเกว็นยังคงตกพระทัยที่ต้องพรากจากแผ่นดินเกิด พระนางทรงแทบไม่อยากเชื่อว่าโล่พลังงานอันเก่าแก่ได้หายไปแล้ว และหุบเขาใหญ่ถูกตีฝ่ามาได้ ข่าวลือจากสายลับในแดนไกลบอกว่าแอนโดรนิคัสได้ยกผลขึ้นบกที่ชายฝั่งของแม็คคลาวด์แล้ว พระนางทรงไม่มั่นพระทัยว่าควรจะเชื่อสิ่งใด ทรงทำใจให้เชื่อได้ยากว่ามันได้เกิดขึ้นแล้วอย่างรวดเร็ว ถึงอย่างไรแอนโดรนิคัสก็จะส่งกองทัพเรือข้ามมหาสมุทรมาอยู่ดี เว้นเสียแต่ว่าราชาแม็คคลาวด์อยู่เบื้องหลังการขโมยดาบ และทำให้โล่พลังสลายไป แต่อย่างไรกันเล่า? เขาจัดการขโมยมันไปได้อย่างไร? เขานำมันไปที่ไหน?
เจ้าหญิงเกว็นทรงรู้สึกว่าผู้คนรอบตัวผิดหวังเพียงใด ซึ่งพระนางไม่อาจโทษพวกเขาได้ ความสิ้นหวังแผ่กระจายไปทั่วขบวน เมื่อไม่มีโล่ พวกเขาก็ไม่มีที่พึ่ง ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น หากไม่ใช่วันนี้ ก็ต้องพรุ่งนี้หรือวันมะรืนที่แอนโดรนิคัสจะบุกมา และเมื่อนั้นก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะต้านทานทหารของแอนโดรนิคัสได้ ในไม่ช้าเมืองนี้ และทุกสิ่งที่พระนางทรงรักและเทิดทูนก็จะถูกทำลาย รวมถึงทุกคนที่ทรงรักก็จะต้องถูกสังหาร
ขณะที่พวกเขาเดินไป เหมือนกับกำลังเดินไปสู่ความตาย แอนโดรนิคัสไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่มันก็เหมือนถูกจับตัวไปแล้ว พระนางทรงคิดถึงสิ่งซึ่งพระบิดาเคยตรัส ชนะใจกองทัพได้ ก็ชนะศึกไปแล้ว
เจ้าหญิงเกว็นทรงรู้ว่าพระนางต้องให้กำลังใจพวกเขา ทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัย มั่นใจ หรือแม้แต่มองโลกในแง่ดี พระนางตั้งพระทัยที่จะทำเช่นนั้น ทรงไม่อาจปล่อยให้ความหวาดกลัวหรือการมองโลกในแง่ร้ายของพระนางมีชัยได้ในเวลาเช่นนี้ และพระนางจะไม่ยอมหมกอยู่กับความรู้สึกเวทนาตัวเอง เรื่องนี้ไม่ใช่แค่พระนางอีกต่อไปแล้ว แต่เกี่ยวกับประชาชนเหล่านี้ ชีวิตและครอบครัวของพวกเขา พวกเขาต้องการพระนาง ทุกคนต่างต้องการความช่วยเหลือจากพระนาง
เจ้าหญิงเกว็นทรงคิดถึงพระบิดาและสงสัยว่าพระองค์จะทรงทำเช่นใด มันทำให้พระนางทรงแย้มสรวลออกมาเมื่อคิดถึงพระบิดา พระองค์จะทรงแสดงพระพักตร์กล้าหาญ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และจะสอนพระนางอยู่เสมอให้ซ่อนความกลัวไว้ภายใต้เสียงคำราม เมื่อเจ้าหญิงทรงนึกย้อนดู พระบิดาดูจะไม่เคยหวาดกลัวเลย ไม่เลยสักครั้ง อาจจะเป็นเพียงการแสดง แต่ก็เป็นการแสดงที่ดี ในฐานะผู้นำ พระบิดาทรงรู้ว่าพระองค์จะต้องแสดงอยู่ตลอดเวลา ทรงรู้ว่าเป็นการแสดงที่ประชาชนต้องการ อาจจะต้องการมากกว่าความเป็นผู้นำเสียด้วยซ้ำ พระองค์ทรงเห็นแก่ผู้อื่นมากเกินกว่าจะพ่ายแพ้แก่ความกลัว เจ้าหญิงเกว็นทรงเรียนรู้จากพระบิดา พระนางก็จะไม่ยอมแพ้เช่นกัน
เจ้าหญิงเกว็นทอดพระเนตรดูรอบ ๆ และเห็นเจ้าชายก็อดฟรีย์ทรงดำเนินอยู่เคียงข้างพระนาง โดยมีอิลเลพรา หมอยาอยู่ข้างเขา ทั้งสองกำลังสนทนากัน พระนางสังเกตว่าทั้งสองคนดูจะสนิทสนมกันมากขึ้น นับตั้งแต่ที่อิลเลพราได้ช่วยชีวิตเจ้าชายไว้ เจ้าหญิงเกว็นทรงปรารถนาให้พี่น้องคนอื่นมาอยู่ที่นี่ด้วย แต่เจ้าชายรีซเสด็จไปกับธอร์ ราชากาเร็ธนั้นแน่นอนว่าได้ไปจากชีวิตของพระนางตลอดกาลแล้ว ส่วนเจ้าชายเคนดริคยังทรงประจำการอยู่ข้างนอก ที่ไหนสักแห่งทางตะวันออก ยังคงช่วยซ่อมแซมเมืองที่อยู่ห่างไกล พระนางทรงส่งข้อความไปถึงพระองค์แล้ว เป็นสิ่งแรกที่ทรงทำ และทรงภาวนาให้มันไปถึงเชษฐาทันเวลา ให้เขาเดินทางไปพบพระนางที่ซิเลเซีย และช่วยกันปกป้องมัน อย่างน้อยที่สุดเชษฐาทั้งสองของพระนาง เจ้าชายเคนดริคและเจ้าชายก็อดฟรีย์ก็สามารถมาลี้ภัยอยู่ที่เมืองซิเลเซียกับพระนางได้ แน่นอนว่าเหลือแต่เจ้าหญิงลูอันดา เชษฐภคินีของพระนาง
เจ้าหญิงเกว็นทรงคิดถึงเจ้าหญิงลูอันดาเป็นครั้งแรกหลังจากที่ผ่านมานานมาก เจ้าหญิงและพระพี่นางเป็นคู่แข่งกันอยู่บ้าง พระนางทรงไม่ประหลาดพระทัยเลยที่เจ้าหญิงลูอันดาทรงคว้าโอกาสที่จะไปจากราชสำนัก เพื่อเสกสมรสกับราชวงศ์แม็คคลาวด์ พระพี่นางทรงทะเยอะทะยานและมักจะต้องการเป็นที่หนึ่งอยู่เสมอ เจ้าหญิงเกว็นโดลีนทรงรักพระนาง เคยเทิดทูนพระนางเมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ แต่เจ้าหญิงลูอันดาไม่เคยมีความรักตอบ พระนางทรงคิดแต่แข่งขัน หลังจากนั้นไม่นานเจ้าหญิงเกว็นจึงทรงเลิกพยายาม
แต่ตอนนี้เจ้าหญิงเกว็นทรงรู้สึกไม่ดีแทนพระพี่นาง ทรงสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพระนาง เมื่อพวกแม็คคลาวด์ถูกแอนโดรนิคัสบุกโจมตี พระพี่นางจะสิ้นพระชนม์ไปแล้วหรือไม่? เมื่อคิดเช่นนั้นก็ทรงตัวสั่น แม้จะทรงเป็นคู่แข่งกันแต่สุดท้ายก็ยังทรงเป็นพี่น้อง เจ้าหญิงทรงไม่อยากเห็นพระพี่นางสิ้นพระชนม์ก่อนวัยอันควร
เจ้าหญิงเกว็นทรงคิดถึงพระมารดา สมาชิกในครอบครัวพระองค์เดียวที่ยังอยู่ที่นั่น ถูกทิ้งอยู่ที่ราชสำนักกับราชากาเร็ธและยังทรงประชวร เมื่อทรงคิดแล้วก็ตัวสั่น แม้จะยังทรงกริ้วพระมารดา แต่พระนางก็ไม่อยากให้พระมารดาทรงลงเอยเช่นนี้ จะเกิดอะไรขึ้นหากราชสำนักถูกโจมตี? พระมารดาจะถูกสังหารหรือไม่?
เจ้าหญิงเกว็นทรงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับชีวิตที่สร้างขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ต้องพังทลายลงรอบตัว มันเหมือนช่วงกลางฤดูร้อนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง งานพิธีเสกสมรสของลูอันดา งานเลี้ยงฉลองยิ่งใหญ่ ราชสำนักเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย พระนางและครอบครัวยังอยู่ด้วยกัน กำลังเฉลิมฉลอง และอาณาจักรวงแหวนไม่มีใครฝ่าเข้ามาได้ ดูเหมือนมันจะคงอยู่ตลอดไป
ตอนนี้ทุกสิ่งแตกกระจายเป็นเสี่ยง ไม่มีสิ่งใดเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
สายลมเย็นของฤดูใบไม้ร่วงพัดโชยมา เจ้าหญิงเกว็นทรงกระชับฉลองพระองค์กันหนาวขนแกะสีฟ้าที่คลุม พระอังสาอยู่ให้กระชับแน่นขึ้น ฤดูใบไม้ร่วงปีนี้สั้นเกินไป ฤดูหนาวมาถึงแล้ว พระนางทรงรู้สึกถึงสายลมเย็นยะเยือก ที่หนักมากขึ้นด้วยความชุ่มชื้น ขณะที่ทุกคนกำลังมุ่งหน้าขึ้นเหนือเลาะเลียบไปตามหุบเขาใหญ่ ท้องฟ้าเริ่มหม่นมากขึ้น บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงใหม่ เสียงร้องของวิหคแห่งฤดูหนาว นกแร้งสีแดงดำที่บินวนอยู่ต่ำเมื่ออุณหภูมิลดต่ำลง พวกมันส่งเสียงร้องอยู่ตลอดเวลา เป็นเสียงที่บางครั้งทำให้เจ้าหญิงเกว็นทรงรำคาญ มันเหมือนเสียงแห่งความตายที่กำลังคืบคลานมา