ฉันบอกเธอด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แล้วก็ค่อย ๆ อุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอมพยายามที่จะไม่ทำให้เธอเจ็บ จากนั้นก็เหินไปกับสกีอย่างรวดเร็วแต่ทันทีที่ฉันหันหน้าไปทางรถแทรกเตอร์ เด็กผู้หญิงก็ท้วงขึ้นมาทันที "เราไม่ต้องการไปที่บ้านรถลากของคุณ ช่วยพาฉันไปที่เนินเขานั่น" ฉันทักท้วงด้วยความตกใจ "แต่บนเขานั่นไม่มีอะไรเลย มีแต่ก้อนหิน" ถึงกระนั้นเธอก็ยังยืนกรานว่า "เชื่อฉันเถอะ ที่นั่นมีหมอและโรงพยาบาลอยู่" ลมแรงขึ้นเหมือนพายุหิมะกำลังมาซึ่งรู้ได้ด้วยเสียงหอนที่ดังใกล้เข้ามา จึงไม่มีเวลาต่อล้อต่อเถียงกับเธอ ฉันตอบกลับไปว่า "ตกลง ฉันจะพาเธอไปที่เนินเขานั้น แต่ถ้าไม่มีอะไร เราจะต้องตามไปที่บ้าน (CUB) ให้ทัน นั่นคือเหตุผลเดียวที่ฉันหันหลังและลื่นไถลไปยังเนินเขาที่เธอบอก ซึ่งบางครั้งก็มองไม่เห็นเพราะเริ่มถูกปกคลุมไปด้วยพายุหิมะ
ขาฉันสลับกันทำมุมพิเศษกดสกีไปที่เนินหิมะและยกร่างกายของเราขึ้นอย่างมั่นคง ดังนั้นในไม่ช้าเราก็มาถึงยอดเขาซึ่งมีที่ราบอันกว้างใหญ่ เราเห็นหินก้อนใหญ่สูงเสียดฟ้า ซึ่งรายล้อมไปด้วยก้อนหินขนาดใหญ่ที่สูงกว่าเจ็ดฟุต เด็กผู้หญิงคนนั้นชี้ไปทางนั้นอย่างมั่นใจและพูดว่า "คุณผู้ชายช่วยพาฉันไปที่นั่นหน่อยเถอะ" แน่นอน ฉันพาเธอไปและค่อย ๆ วางเธอลงใกล้ ๆ ก้อนหินอย่างระมัดระวัง ฉันจับมือเธอไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เธอล้มเพราะลมที่กระโชกแรง ถึงตอนนี้ฉันก็แค่ยืนทรงตัวอยู่บนขาที่แข็งแรงและมือที่ว่างเปล่า เธอแตะที่ก้อนหินลึกลับนั้น แต่เกิดอะไรขึ้นต่อไป ทำให้ฉันสงสัยในสติของฉัน
.ในขณะที่นิ้วของเธอสัมผัสไปที่พื้นผิวที่ผุกร่อนของก้อนหิน ครึ่งบนของก้อนหินถูกแยกออกจากครึ่งล่างและเลื่อนไปทางขวาและหยุดอยู่ในอากาศราวกับว่าไร้น้ำหนัก ฉันยืนประหลาดใจแต่เด็กผู้หญิงไม่มีแสดงท่าทีใด ๆ ออกมา เธอบอกกับฉันด้วยท่าทางเบื่อ ๆ ว่าเราต้องปืนขึ้นไปบนยอดนั้น "พระเจ้า ทำไมคุณยืนแข็งทื่อเหมือนเสา" "ยกฉันขึ้นไปก่อนแล้วคุณค่อยปีนขึ้นมา" เด็กผู้หญิงบอกอย่างนั้น ตอนนี้ฉันเริ่มตรวจสอบสีดำอย่างละเอียดมันเป็นพื้นผิวหินขัดมันด้วยซ้ำเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดเจ็ดฟุต
เพราะด้วยความช็อก ฉันมีพลังขึ้นอย่างผิดปกติ ฉันถอดสกีออกแล้วอุ้มเด็กผู้หญิงขึ้นอีกครั้งแล้วก็กระโดดขึ้นไปบนก้อนหินที่สูงเป็นเมตรได้อย่างง่ายดาย ด้วยหน้าที่ของฉันตอนนี้ ฉันยืนอยู่ตรงกลางก้อนหินและเห็นพายุหิมะโหมกระหน่ำรอบ ๆ ตัวเรา ถึงแม้ว่าที่นี่เป็นแท่นแบนราบแต่ก็สงบและเงียบเชียบอย่างสิ้นเชิงราวกับว่ามีกระจกกั้นไว้จากโลกภายนอก ทันใดนั้น ฉันก็สังเกตเห็นว่าขาของฉันเริ่มจมลงไปในสายหมอก เด็กผู้หญิงสังเกตเห็นความวิตกกังวลบนใบหน้าฉันจึงเตือนขึ้นว่า "คุณไม่ควรขยับและกลัว เพราะผู้ชายตัวใหญ่ต้องกล้า" หลังจากได้ยินเธอพูด ฉันคิดในใจว่าความกลัวไม่น่าเกี่ยวอะไรกับขนาดเสมอไป แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เนื่องจากเราจมอยู่ในหมอกสนิทแล้ว ดังนั้นฉันจึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ และปิดเปลือกตาให้แน่นไว้
บทที่ 2 เกลูนและบ้านมนุษย์ต่างดาว
ในไม่กี่วินาทีแก้มฉันก็สัมผัสได้ถึงลมร้อนและรู้สึกเสียวซ่านเล็กน้อยแต่เมื่อหายใจออกและกล้าที่จะลืมตาเราก็ยืนอยู่ในห้องทรงกระบอกพื้นสีเทาเรียบเหมือนแก้ว "ที่เอาชนะความเจ็บปวด" หญิงสาวอุทาน! "ฉันขอร้องล่ะตรงนี้คุณช่วยเร็วกว่านี้หน่อย" จากนั้นเธอก็เอามือแตะที่ผนังซึ่งเริ่มกระพริบเหมือนฟิล์มน้ำมันที่เรืองแสงซึ่งยุบตัวลงและเราก็สามารถผ่านเข้าไปได้ ตอนนี้เราก็ได้เข้าไปในห้องถัดไปแล้วซึ่งเหมือนกับห้องแรกแต่มีแสงสลัว ๆ ขนาดที่คาดเดาได้ก็มีเพียง ขณะที่มีแสงวาบเมื่อลวดลายสีรุ้งปรากฏขึ้นบนผนังเท่านั้นเมื่อฉันมองดูใกล้ ๆ ก็เข้าใจได้ว่าห้องนี้สูงประมาณสิบฟุตและมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ สี่สิบฟุตนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมห้องนี้ถึงโล่งจนได้ยินเสียงกระซิบของหญิงสาวสะท้อนกลับมา "ได้โปรดถอดเสื้อผ้าฉันออกและพาฉันไปตรงนั้น เพราะแค่ตัวเปล่าเท่านั้นถึงจะหาหมอได้ คุณหมอรออยู่แต่ฉันถอดเสื้อผ้าเองไม่ได้เพราะเคลื่อนไหวลำบาก" หลังจากนั้นฉันก้าวกว้าง ๆ ได้ประมาณยี่สิบห้าก้าวก็ไปถึงผนังฝั่งตรงข้ามซึ่งมีแสงระยิบระยับแล้วก็วางเด็กผู้หญิงซึ่งไร้น้ำหนักลงอย่างระมัดระวัง ฉันรีบถอดปืยซิคของเธอออกและโยนลงกับพื้น หลังจากนั้นก็ถอดอุนไตกัสจากเท้าซ้ายเธอได้อย่างง่ายดายแต่ทันทีที่ฉันแตะเท้าขวาของเธอ เธอก็กรีดร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวด ดังนั้นฉันจึงหยิบมีดออกจากกระเป๋าทันทีแล้วกรีดไปที่คามุสซึ่งทำจากขนขาของกวางที่แข็งแรงมากและเป็นอุนไตกัสที่ชาวบ้านเย็บกันเองในท้องถิ่น ตอนนี้เด็กผู้หญิงยังคงสวมชุดจั๊มสูทสีฟ้าบาง ๆ ไม่มีตะเข็บไม่มีกระดุมและไม่มีสายรัดซึ่งทำให้ฉันประหลาดใจมาก ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงพูดว่า "เธอโปรดถอดชุดจั๊มสูทเองและบอกมาว่าฉันจะไปรับชุดอุปกรณ์การแพทย์ได้ที่ไหน" เห็นได้ชัดเจนว่าเด็กผู้หญิงไม่เข้าใจว่าฉันจะทำอะไร เธอมองฉันอย่างสงสัยแล้วกดตรงปกเสื้อนูน ๆ แล้วชุดจั๊มสูทก็แกว่งเปิดออกเผยให้เห็นเรือนร่างของเธอ ฉันมุ่งความสนใจไปที่ขาที่เจ็บของเด็กผู้หญิงอย่างมืออาชีพโดยตัดขาของชุดจั๊มสูทออกและฉันก็ได้เห็นขาท่อนล่างของเธอหักแบบเปิดแต่เส้นเลือดไม่ได้ฉีกขาดเพราะเลือดออกจากบาดแผลเพียงเล็กน้อยซึ่งฉันสามารถใส่เฝือกขาเธอได้ด้วยตัวเองแม้จะไม่มีชุดอุปกรณ์การแพทย์ก็ตามแต่เห็นได้ชัดว่าเด็กผู้หญิงคิดต่างจากฉัน เธอเอื้อมมือไปที่ผนังแล้วพูดว่า "คุณอย่าไปไหนนะ รอฉันในห้องนี้แล้วหลังจากนี้ฉันจะอธิบายทุกอย่างให้คุณรู้"
หลังจากนั้นฉันก็กลายเป็นคนชมการแสดงมายากลไปโดยปริยาย เมื่อผนังเสาหินเริ่มเต้นเป็นจังหวะด้วยแสงระยิบระยับและกลายเป็นของเหลวยืดหยุ่นห่อหุ้มเธอหายไปในห้องถัดไปซึ่งมีประกายไฟนับพันดวงที่ผมของเธอ จากนั้นแสงระยิบระยับก็หยุดลงและผนังก็โปร่งใสแล้วฉันก็เห็นเงาของเด็กผู้หญิงนอนอยู่ในความว่างเปล่าฉันเริ่มรู้สึกร้อน เลยเริ่มถอดผ้าทีละชิ้น อันดับแรกถอดถุงมือ หมวกและรองเท้าบูทสักหลาดจากนั้นก็เป็นเสื้อแจ็คเก็ต กางเกงผ้าควิลท์ แล้วก็พับผ้าทุกชิ้นเป็นกองเดียวกันเพื่อรองนั่ง ฉันสังเกตเด็กผู้หญิงที่นอนลอยอยู่ในอากาศซึ่งปกคลุมไปด้วยแสงรัศมีสีเขียวที่มีประกายไฟสีม่วงขนาดใหญ่หมุนอยู่รอบ ๆ เท้าขวาที่บาดเจ็บของเธอ ฉันตกตลึงกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ฉันนั่งหวังเพียงอย่างเดียวว่าที่กองงานคงไม่ตามหาฉันในสภาพที่มองไม่เห็นเช่นนี้พวกเขาคงรอให้พายุหิมะหยุดเสียก่อน ดังนั้นฉันจึงรอดูเด็กผู้หญิงอยู่ตรงนี้ ฉันจำได้ขึ้นใจว่าก้อนหินก้อนใหญ่ ๆ ลอยขึ้นไปในอากาศได้อย่างง่ายดายเพียงใดหรือความจริงที่ว่าผนังที่แข็งแรงกลายเป็นยืดหยุ่นได้ แน่นอนว่าการแก้ปัญหาด้วยปาฏิหาริย์เหล่านี้คนที่อยู่ในด้านเทคโนโลยีไม่มีวันรู้จัก ในขณะเดียวกันฉันเห็นเด็กผู้หญิงที่ได้รับบาดเจ็บใช้เวลามากกว่าห้านาทีหลังผนังโปร่งใสนั้นแล้วแสงสีเขียวก็หายไปต่อมาฉันก็เห็นว่าร่างของเธอตั้งตรงและขาของเธอสัมผัสพื้นได้อย่างไร